Year: 2018

ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่เป็นอันดับต้นๆ ในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลก และติดอันดับท็อป 10 ในการจัดอันดับการเล่นแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ดังต่างๆ ทั่วโลก และนี่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโซเชียลมีเดียนั้นจะต้องส่งผลต่อสังคมประเทศไทยในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะคนไทยสมัยนี้นิยมใช้สื่ออินเตอร์เน็ตในการทำสิ่งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือเพื่อการบันเทิง รวมทั้งเป็นการใช้เพื่อการศึกษาความรู้เพิ่มเติมมากมาย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคงอยากทราบกันว่าเสียนั้นมีผลดีอย่างไรต่อสังคมไทยในปัจจุบันซึ่งเราได้เพราะมาให้ดูกันทั้งหมด 3 ข้อดังนี้ 1.    ทราบข่าวสารรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอข่าว ซึ่งปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่จะหันจากการดูรายการโทรทัศน์มาเป็นดูผ่านวิดีโอในสื่ออินเตอร์เน็ตนั่นเอง รวมทั้งมีการดูผ่านเว็บไซต์ดังมากมายให้มีการกดติดตามข่าวสารข้อมูลทั่วไป ทำให้เราได้ทราบข่าวต่างๆ ก่อนที่รายการทีวีจะประกาศเสียอีก นับว่าเป็นช่องทางที่รวดเร็วทันใจสำหรับผู้ที่สนใจเหตุการณ์ข่าวสารบ้านเมืองเพื่อให้ทันโลกทันยุคอย่างยิ่ง 2.    สืบเสาะแสวงหาข้อมูลได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้เราสามารถสืบค้นข้อมูลต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์ได้อย่างเช่นการสืบสวนคดีต่างๆ ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ จากการที่ชาวโซเชียลมีเดียทั้งหลายร่วมกันสืบค้นและหาพยานต่างๆ ขึ้นมา นับว่าเป็นประโยชน์ที่ดีสำหรับวงการตำรวจเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ประชาชนพลเมืองสามารถสอดส่องดูแล และช่วยกันดำรงความยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน 3.    เข้าถึงแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งเราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรงอย่างเช่น ดารานักร้องที่เราชื่นชอบนั้นจะมีเว็บไซต์ส่วนตัวซึ่งเราสามารถเข้าไปกดติดตามได้เลยโดยที่ไม่ต้องแหล่งข่าวซุบซิบอีกต่อไป หรือแม้กระทั่งติดตามในเว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อนฝูงของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนจากโรงเรียนสมัยเด็กเราก็ยังสามารถพูดคุยสื่อสารได้โดยที่ไม่ต้องมีเบอร์โทรศัพท์กันและกัน เพียงแค่เข้าไปในโปรไฟล์ส่วนตัวของเพื่อนเราเพียงแค่นี้เราก็จะทราบถึงข้อมูลและการอัพเดทสถานการณ์ต่างๆ ของเขาได้แล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราสามารถเข้าถึงตัวบุคคลทั้งคนทั่วไปและคนที่มีชื่อเสียงได้โดยง่ายดายมากกว่าแต่ก่อนมาก…

เลือก Workout ที่ใช่บอกลาน้องไขมัน แน่นอนว่าการออกกำลังกายหรือการเผาผลาญไขมันในร่างกายเพื่อที่จะลดความอ้วนหรือเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นนั้นมีรูปแบบหรือกิจกรรมในการสลัดไขมันส่วนเกินออกไปนั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่กิจกรรมหรือการออกกำลังกายที่ว่านั้นต้องใช้ระยะเวลาเพื่อที่จะได้ให้ร่างกายค่อยๆสลายไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกายไม่ใช่แค่ทำวัน2วันแล้วไขมันส่วนเกินจะหายออกไปได้หมดเลย และไม่มีการออกกำลังกายรูปแบบไหนดีที่สุด เพราะแต่ละคนนั้นมีร่างกายที่แตกต่างกัน มีไขมันไม่เท่ากัน มีความชอบที่แตกต่างกัน หากเราอยากได้ผลรับในการลดไขมันที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรานั้นเราต้องเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายในรูปแบบที่เราสามารถทำได้เป็นประจำ ก็คือเราต้องเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เราชอบ แล้วเราจะมีความสุขและสนุกไปกับการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และเมื่อเราสนุกเราก็จะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการออกกำลังกาย และทำให้อยากออกกำลังกายอีก จะได้ไม่รู้สึกถึงการบังคับตัวเองให้ต้องทำการออกกำลังกายและจะไม่มีความเบื่อหน่ายหรือรู้สึกขี้เกียจไม่อยากไปออกกำลังกาย อย่างเช่น ใครที่ชอบออกกำลังกายคนเดียวก็อาจเลือกการวิ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน หรือใครที่รู้สึกว่าการวิ่งนั้นน่าเบื่อก็อาจเลือกการออกกำลังกายเป็นแบบweight training หรือยกน้ำหนักแทนก็ได้ และหากใครรู้สึกเล่นคนเดียวนั้นน่าเบื่อก็อาจเลือกการออกกำลังกายเป็นแบบหมู่ก็ได้อย่างการเล่นฟุตบอลกับเพื่อน หรือบาสเก็ตบอลกับเพื่อนก็ได้ ส่วนถ้าเป็นสาวๆก็อาจจะเลือกเป็นการเต้นZumbaเป็นการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันก็ได้ซึ่งกำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน สลัดไขมันแบบสนุกด้วย ZUMBA DANCE WORKOUT การเต้นZumba นั้นถ้าจะว่าง่ายๆก็คือการเต้นแอโรบิกที่มีการใช้เพลงและท่าทางในการเต้นสไตล์ลาตินอเมริกาซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าคนลาตินนั้นมีความสนุกสนานอยู่ในตัวทำให้การเต้นรูปแบบนี้มีความสนุกและบวกกับจังหวะเพลงละตินที่มีความตื่นเต้นเร้าใจก็ทำให้คนที่มาเต้นนั้นมีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น จนทำให้ใครหลายคนติดใจกับการออกกำลังกายรูปแบบนี้และเลือกที่จะใช้วิธีสลัดไขมันแบบสนุกด้วยZumba Dance Workout เพื่อเป็นการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันในร่างกายเพราะด้วยความสนุกสนานกับสไตล์และเพลิดเพลินไปกับจังหวะเสียงเพลงจึงทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายการออกกำลังกายอีกต่อไป จึงทำให้รู้สึกว่าเวลาในการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันในร่างกายนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากใครกำลังมองหารูปแบบการออกกำลังกายที่จะใช้เผาผลาญไขมันในร่างกายอยู่นั้นก็ลองนำวิธีสลัดไขมันแบบสนุกด้วยZumba Dance Workout ไปใช้ดูแล้วอาจจะติดใจแบบใครหลายคนที่ได้ลองสัมผัสมาแล้วก็ได้

เจ้าหน้าที่ it support ถือเป็นงานหนึ่งที่ต้องทำงานอยู่ภายใต้ความกดดันและเงื่อนไขหลายๆอย่าง ทั้งด้านเทคนิค ด้านเวลา และด้านงบประมาณ ดังนั้น คุณสมบัติที่สำคัญของเจ้าหน้าที่ไอทีนอกจากความสามารถในการแก้ปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆ ก็คือความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการมีทัศนคติในทางบวก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหาพนักงานไอทีที่จะมีความพร้อมทั้งด้านความรู้และอารมณ์ได้เสมอไป จึงทำให้ในบางครั้งคนในองค์กรต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ it support ซึ่งมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่นัก  โดยนิสัยเจ้าหน้าที่ไอทีที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ IT Support อารมณ์เสีย พฤตกรรมที่ไม่น่ารักมากที่สุดของฝ่ายไอทีที่ทำให้ทุกคนไม่อยากเข้าใกล้เห็นจะเป็น พฤติกรรมที่แสดงออกว่ากำลังทำงานด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี  โดยมีการแสดงออกชัดเจนถึงการไม่เต็มใจที่จะทำงาน ซึ่งถึงแม้ว่างานของไอทีจะยุ่งมากเพียงใดก็ไม่ควรที่ฝ่าย it support จะแสดงพฤติกรรมให้คนในองค์กรฝ่ายอื่นๆรู้สึกอึดอัดที่จะขอให้ฝ่ายไอทีช่วยแก้ปัญหา  ซึ่งความจริงแล้วงานเหล่านี้ก็คือหน้าที่ที่ต้องทำนั่นเอง IT Support ไม่รับผิดชอบงาน เนื่องจากฝ่ายไอทีคือฝ่ายที่ต้องช่วยแก้ปัญหางานด้านระบบสารสนเทศให้กับหน่วยงานด้านบริหารอื่นๆ  ดังนั้น การที่ฝ่ายไอทีไม่มีความรับผิดชอบในการทำงาน  ก็จะทำให้เกิดปัญหาในการทำงานต่อหน่อยงานอื่นๆตามไปด้วย  รวมทั้งเกิดความล่าช้าเนื่องจากต้องรอจนกว่าฝ่ายไอทีจะแก้ไขงานด้านระบบให้เสร็จถึงจะทำงานได้  ดังนั้น ฝ่าย it audit จึงต้องมีการทำสำรวจเพื่อวัดการทำงานของฝ่ายไอทีด้วย IT Support แก้ไขงานแบบมั่วๆ ในการบางครั้งอาจพบเจ้าหน้าที่ไอทีที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและทำให้เสียเวลาในการทำงานอย่างมาก นอกจากนี้ ยังอาจทำให้บริษัทต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายไปกันการทำงานที่ไม่ได้ประโยชน์ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องคัดเลือกเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอ…

สำหรับการสอบ IELTS ข้อสอบ Part Reading เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรเสียคะแนนไป เพราะเรียกได้ว่าน่าจะสามารถทำคะแนนได้ดีกว่าข้อสอบในส่วนอื่นๆ ดังนั้นต้องมีเทคนิคในการทำข้อสอบเพื่อไม่ให้คะแนนที่ควรได้หลุดลอยไป ที่บอกเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าข้อสอบ Part Reading นั้นง่าย เพราะบางครั้งคุณอาจจะเจอเข้ากับข้อสอบที่มีเนื้อหามาจากเรื่องที่ไม่ถนัด และคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อ่านเลยก็เป็นได้ www.ielts.idp.co.th ดังนั้น สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS เพื่อให้ได้คะแนนในส่วน Part Reading เรามีเทคนิคที่ใช้ได้จริงมาฝากกัน คุณต้องแสวงหาแนวทางคำถามของข้อสอบ IELTS Reading  โดยผู้สอบเองก็จะต้องทราบถึงจุดเน้นของแต่ละรูปแบบเพื่อให้เข้าใจถึงแนวทางการตอบคำถาม โดยรูปแบบคำถามนั้นแตกต่างกันทั้งสิ้นประมาณ 14 รูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น True/False/Not given, จับคู่ Heading กับเนื้อหาในแต่ละ Paragraph และ Multiple Choice เป็นต้น ดังนั้นนั่นเอง…

ความสนใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน มีมากขึ้นอย่างทวีคูณ ในโลกสมัยใหม่และโลกที่เปิดกว้างทางความคิด ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันได้รับการยอมรับมากขึ้น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights) ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้กำหนดขึ้นในปี 2491 หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน นับเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมมือระหว่างประเทศที่มีความสำคัญในการวางกรอบเบื้องต้นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนถือเป็นเอกสารหลักด้านสิทธิมนุษยชนฉบับแรก ซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ให้การรับรองตามข้อมติที่ 217 A (III) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491 โดยประเทศไทยออกเสียงสนับสนุน สิทธิมนุษยชน (Human Rights) มีความหมายตามที่ระบุในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนหมายถึง สิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความเท่าเทียมกันในแง่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิ เพื่อดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ อายุ ภาษาศาสนา และสถานภาพทางกายและสุขภาพรวมทั้งความเชื่อทางการเมือง…