ความสนใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน
มีมากขึ้นอย่างทวีคูณ ในโลกสมัยใหม่และโลกที่เปิดกว้างทางความคิด
ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันได้รับการยอมรับมากขึ้น
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration
of Human Rights) ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้กำหนดขึ้นในปี
2491 หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง
ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน
นับเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมมือระหว่างประเทศที่มีความสำคัญในการวางกรอบเบื้องต้นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนถือเป็นเอกสารหลักด้านสิทธิมนุษยชนฉบับแรก
ซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ให้การรับรองตามข้อมติที่ 217 A (III) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491
โดยประเทศไทยออกเสียงสนับสนุน
สิทธิมนุษยชน
(Human Rights) มีความหมายตามที่ระบุในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนหมายถึง
สิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความเท่าเทียมกันในแง่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิ
เพื่อดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว
เพศ อายุ ภาษาศาสนา และสถานภาพทางกายและสุขภาพรวมทั้งความเชื่อทางการเมือง
หรือความเชื่ออื่นๆที่ขึ้นกับพื้นฐานทางสังคม
สิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถถ่ายทอดหรือโอนให้แก่ผู้อื่นได้
ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้แบ่งสิทธิและเสรีภาพออกเป็น
30 หมวด อาทิ สิทธิในการแสวงหาที่ลี้ภัย สิทธิในการมีเสรีภาพจากการทรมาน
สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในการศึกษา
ในประเทศไทย
หน่วยงานที่มีบทบาทในการสนับสนุนให้เกิดการเคารพสิทธิมนุษยชน คือ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ให้ความหมาย สิทธิมนุษยชน (Human Right) ว่าหมายถึง สิทธิที่มนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน
มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ
และความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรอง
ทั้งความคิดและการกระทำที่ไม่มีการล่วงละเมิดได้ โดยได้รับการ
คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
สิทธิมนุษยชนถือเป็นอารยะธรรมโลก
(World Civilzation) ของมนุษย์ที่มีความสำคัญในแง่ของการเป็นหลักประกันของความเป็นมนุษย์
สิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น
หากแต่เป็นเรื่องที่สังคมทั่วโลกต้องให้ความสำคัญ ต่อมาได้มรการกำหนด
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) หรือ ICCPR
เป็นสนธิสัญญาพหุภาคี
ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรับรองเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2509
และมีผลใช้บังคับเมื่อ
23 มีนาคม พ.ศ. 2519 สนธิสัญญานี้ให้คำมั่นสัญญาว่าภาคีจะเคารพสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของบุคคล
ซึ่งรวมถึงสิทธิในชีวิต เสรีภาพในศาสนา เสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการชุมนุม
สิทธิเลือกตั้ง และสิทธิในการได้รับการพิจารณาความอย่างยุติธรรม
ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีของสนธิสัญญานี้ในปี พ.ศ. 2539
และมีผลบังคับใช้กับไทยเมื่อวันที่
29 มกราคม พ.ศ. 2540